Sunday, July 4, 2010

ทำไมนักเรียนไทยถึงดื้อ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปกินหมูกะทะกับเพื่อนชาวต่างชาติ ระหว่างที่กำลังกินกันอยู่ มีเพื่อนของผมคนหนึ่งชื่อว่า ไอวี ถามผมว่า ทำไมนักเรียนในห้องของเธอไม่สนใจเรียนเลย แถมด่าเธอด้วย รู้ไหมครับว่านักเรียนด่าว่าอะไร "ไอ้ตัวตะกวด กับคำว่าไอ้Animal" ครับ เล่นซะผมอึ้งเลยครับ ผมเลยถามว่าและบอกนักเรียนหรือเปล่าว่าเธอเข้าใจสิ่งที่นักเรียนด่า
เพื่อนผมคนนี้ก็บอกครับว่าเข้าใจ เด็กคนนั้นมันก็ยังด่าอยู่ เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่าจะไปบอกฝ่ายปกครอง นักเรียนก็บอกว่าไปบอกเลย เพราะถ้าไม่มีนักเรียนพวกครูๆ ก็ตกงาน ขอบอกก่อนนะครับว่าเด็กพวกนี้ เป็นเด็กมัธยมปีที่หนึ่งครับและแถมเป็นโรงเรียนเอกชนซะด้วย และไม่ได้คนเดียวนะครับที่เจอเหตุการณ์นี้ ครูแทบทั้งหมดจะเจอกับเหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้ทั้งหมด เรื่องนี้ทำให้ผมฉุกคิดมาอย่างหนึ่งว่า เด็กไทยไม่ค่อยจะให้ความเคารพครูต่างชาติซะเท่าไหร่ เพราะกับครูคนไทยเด็กๆ จะไม่ค่อยจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ทว่ากับชาวต่างชาติเด็กกลับคิดว่าพวกเขาถูกจ้างมาสอน เด็กๆ จะมีพฤติกรรมอย่างไรกับชาวต่างชาติก็ได้ พอพวกคุณครูต่างชาติทั้งหลายมารายงานเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กให้กับทางโรงเรียนฟัง ทางโรงเรียนก็จะบอกว่าหลักการสอนของคุณครูไม่ดีเอง แต่จริงๆแล้วเท่าที่ประสบการณ์ที่ผมพอจะมีบ้างในการสอน ผมว่าถ้าจะให้อาจารย์ต่างชาติมาสอนคนไทย น่าจะมีคอร์สอบรม "วิธีการจัดการกับเด็กไทย" เพราะเรื่องจริงที่น่าเศร้าก็คือ เด็กไทยสอนยากมาก เวลาสอนจะคุยกันในห้อง  ทำให้ผมคิดถึงตอนเรียนมหาวิทยาลัย มีอาจารย์อเมริกันคนหนึ่ง มาสอนที่มหาลัยผมพอแกสอนเสร็จแกก็เดินไปที่ห้องทำงานของแกและก็ร้องไห้โฮออกมาเลย  เพราะว่าเด็กๆ คุยกันเวลาที่แกสอน พอคุณครูถามว่าเข้าใจหรือเปล่าเด็กก็ไม่ตอบ พอถามว่า "นักเรียนมีคำถามอะไรมั้ย" นักเรียนก็เงียบไม่ถาม แถมพูดเป็นภาษาไทยด้วยกันและหันมาทางอาจารย์ (ต่างชาติเค้าจะคิดว่าเรานินทาเค้าครับ) แค่นั้นแหละครับ ก็เป็นเรื่องเป็นราวแล้ว  ทำยังไงได้หล่ะครับ เพราะการคุยกันในห้องและไม่สนเรียนแทบจะกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว

1 comment:

  1. ผมว่าเดี๋ยวนี้เด็กไทย (รวมถึงผู้ใหญ่วัยต้นๆ ) เปลี่ยนไปมาก มีความเป็นปัจเจกบุคคลสูง เชื่อฟังและรับผิดชอบต่อสังคมน้อยลง มักถามหาเหตุผลเสมอ แม้ในเรื่องที่เราเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็ควรทำ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีคุณสมบัติที่ดีเลยนะครับ ผมเห็นว่าคนรุ่นใหม่เขามีความคิดสร้างสรรค์และกล้าแสดงออกมากขึ้นกว่าคนรุ่นก่อน แม้วาอาจจะดูก้าวร้าวอยู่บ้าง ถ้าเราค่อยๆ ปรับจูนให้ตรงกันระหว่างครูผู้สอนกับเด็ก โดยดึงเอาข้อดีของแต่ละฝ่ายมาใช้ การเรียนการสอนอาจจะลื่นไหลก็ได้

    เรื่องเหล่านี้มันชวนให้ผมคิดว่า ระบบการศึกษารวมถึงสื่อต่างๆ ที่แวดล้อมตัวเด็กไทยในปัจจุบันนี้น่าจะต้องได้รับการทบทวนอย่างจริงจัง ถ้าจะลอกฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น ก็ควรเอาแต่สิ่งที่ดีๆ ของเขามา แต่ปัจจุบันมันกลับกัน เด็กเราเอาแต่สิ่งที่แย่ๆ มา เพราะเข้าใจผิด คิดว่าสิ่งที่เขาเห็นในทีวีหรือตามสื่อคือวิถีชีวิตและวัฒนธรรมทั้งหมดของเขา ไม่รู้ว่าที่เด็กฝรั่งเขามีรถขับหรือมีเงินจับจ่ายแบบในหนัง เขาต้องไปทำงานเป็น waiter ในภัตตาคารอาทิตย์ละตั้งหลายชั่วโมง แต่เด็กไทยเราถูกล้างสมองให้บ้าวัตถุ ทั้งที่อะไรๆ ก็ยังต้องขอเงินพ่อแม่ การศึกษาของเรามันก็ยังเหมือนบะหมีสำเร็จรูป ที่ใครๆ ก็ซื้อกินได้ แต่ไม่ค่อยมีคุณค่าทางโภชนาการ

    เคยฟังคนที่เขาไปหาข่าวในเวียดนามเมื่อสัก 10 ปีมาแล้ว เขาเล่าว่า แม้จะดึกๆ 4 ทุ่ม 5 ทุ่มแล้ว เด็กเวียดนามก็ยังเรียนหนังสือ กวดวิชากันอยู่เลย ไม่ค่อยเห็นมีเที่ยวเตร่ แต่พอกลับมาเมืองไทย ไปเที่ยวกลางคืน เห็นมีเด็กไทยอยู่ตามผับ บาร์ สถานเริงรมย์ต่างๆ เต็มไปหมด เสพยาก็มี เขาบอกว่าเห็นแล้วสะท้อนใจและอดเป็นห่วงอนาคตของชาติไม่ได้

    ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้บรรดาครูๆ ทุกคนครับ และขอให้ภูมิใจว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพหนึ่งที่มีคุณประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติอย่างแท้จริง

    สร้างอะไรก้ไม่ประเสริฐเท่ากับการสร้างคนดีๆ ไปสู่สังคมหรอกครับ

    ReplyDelete

Main Page