Wednesday, July 28, 2010

การฝึกฟังและฝึกออกเสียง

สวัสดีครับ วันนี้อยากจะเสนอแนวทางในการฝึกฟังและฝึกออกเสียงครับ หลายๆครั้งเวลาเราฟังภาษาต่างประเทศไม่ใช่แค่ฟังไม่รู้เรื่อง บางคนยังฟังไม่ออกด้วยว่าเค้าออกเสียงอะไรออกมาบ้าง วันนี้ผมขอแนะแนวเล็กน้อยในการออกเสียงนะครับ เวลาฟังภาษาอังกฤษก่อนที่เราจะต้องมาหาความหมายหรือแปล อยากจะให้ฟังก่อนว่าเค้าออกเสียงออกมาอย่างไร

1. ให้หาประโยคมาซักหนึ่งประโยค อาจจะอัดเสียงมาจากหนัง รายการทีวี หรือเพลงอะไรก็แล้วแต่ครับ แต่เอาเป็นประโยคที่เป็นธรรมชาติ ถ้าเป็นไปได้ พยายามอย่าเอาในตำรานะครับ เพราะบางตำราเจ้าของภาษาจะพยายามออกเสียงให้ชัดซึ่งมันผิดกับธรรมชาติเวลาที่เค้าพูดกันในชีวิตประจำวัน (ถ้าหากว่ายังใหม่อยู่ในเรื่องของการฟังให้พยายามหาประโยคที่สั้นๆ ง่ายๆครับ)   ถ้าได้มาแล้วห้ามเปิดซับไตเติ้ลดูนะครับ เพราะเราจะฝึกฟังเสียงเป็นหลัก

2. ให้ฟังประโยคนั้นซัก 3 รอบโดยไม่ต้องออกเสียงอะไรทั้งสิ้น ให้ฟังเฉยๆ อย่างเดียวเลย และรอบที่ 4 ให้พยายามออกเสียง โดยครั้งแรกนี้จะเน้นเรื่องจังหวะขึ้นลงเป็นหลักครับ พยายามจับจังหวะให้ได้ ว่าเค้าลากเสียงที่เสียงไหน พยายามเรื่องจังหว่ะก่อนครับ ไม่ต้องสนใจว่าเค้าออกเสียงอะไร แต่ให้จับเสียงว่าเค้าจังหวะขึ้นลงและความสั้นความยาวของเสียง คล้ายๆกับว่าเราเคยงฟังเพลงเพลงหนึ่ง แต่เราจำเนื้อร้องนั้นไม่ได้ จำได้แต่ทำนองอะไรประมาณนั้น ภาษาก็เหมือนกันครับ

3. เมื่อจังหวะไปได้กับเสียงแล้ว ให้พยายามออกเสียงครับโดยให้ฟังนะครับว่าเค้าเปล่งเสียงอะไรออกมาโดยห้ามเดาว่าเป็นคำอะไร โดยให้จดจ่อกับเสียงเป็นหลัก หรืออาจจะไม่ต้องจดจ่อเพราะอาจจะเครียด แต่ให้ฟังหลายๆครั้งจนหูชินกับประโยคนั้นๆ จนสามารถแยกแยะเสียงได้ และให้พูดออกมาตามที่ได้ยินครับ

4. พอฝึกไปเรื่อยๆจนคิดว่าคล้ายมากที่สุดแล้ว คราวนี้ให้เราอัดเสียงที่เราพูดครับและเอาไปเทียบกับเจ้าของภาษา

5. คราวนี้ให้เปิดซับไตเติ้ลดูครับ คราวนี้บางคนอาจจะประหลาดใจว่าที่เราเคยอ่านกับที่เจ้าของภาษาเค้าออกเสียงมันไม่ตรงกัน นี่แหละครับคือสิ่งที่ทำให้เราไม่สามารถฟังออก เพราะเค้าออกเสียงกับเขียนไม่ตรงกัน (จริงๆมันก็ตรงกันแหละครับ แต่เป็นเสียงที่ตรงกับประเทศเค้าไม่ใช่ประเทศเรา อิอิ)

6. ฝึกประโยคอื่นๆ ด้วยครับ ฝึกไปเรื่อยๆ ถ้ายิ่งฝึกและยิ่งรู้สึกว่าแย่ ก็อย่าเพิ่งท้อครับเพราะเราอยู่ในช่วงของการปรับการฟังและการออกเสียง บางครั้งมันอาจจะฟังดูแปล่ง ๆ ไปบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาครับ แต่ฝึกไปเรื่อยๆ จะดีขึ้นเองตามลำดับ จะสามารถพูดประโยคได้ยาวขึ้น ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ฝึกแบบนี้เราจะได้อะไรบ้าง

การฟัง ถึงจะยังพูดไม่เก่งแต่เรื่องฟังนี้เราจะดีขึ้นแน่นอน เพราะว่าเราพยายามปรับเสียงให้ตรงกับที่เจ้าของภาษาพูด เหมือนกับพูดสำเนียงเดียวกัน คนบ้านเดียวกันฟังกันรู้เรื่องอะไรประมาณนั้น

การพูด จะช่วยในเรื่องของการพูดของเราด้วยครับ เพราะถ้าเราฟังออกเราก็จะพูดได้มากยิ่งขึ้น เวลาพูดให้พูดออกไปเลยครับ อย่าไปห่วงเรื่องแกรมม่า พูดผิดให้ Tense กระจายไปเลย เน้นเรื่องการออกเสียงเป็นหลัก เพราะแกรมม่าถ้าอยากให้ดูเป็นธรรมชาติต้องใช้ประสบการณ์ครับ เพราะเจอประโยคไหนที่ใช้แกรมม่าไหนบ่อยๆ เราก็จะพูดออกมาได้เลย แกรมม่าของเราจะถูกขึ้นเรื่อยๆครับ สังเกตุว่าถ้าเราห่วงเรื่องแกรมมา เวลาเราจะพูดทำให้เราต้องหยุดไปซักพักหนึ่งและถูกพูดออกมา ซึ่งมันดูไม่เป็นธรรมชาติเลยครับ พูดไปเรื่อยๆกับต่างชาติแกรมม่าของเราจะถูกปรับให้ถูกเองทีละนิดครับ อย่าไปฝืน และอีกอย่างการพูดผิดแกรมม่าแต่ต่างชาติฟังเข้าใจเขาก็ยังเดาได้มากกว่า การออกเสียงและเค้าฟังไม่รู้เรื่องครับ

ขอให้สนุกกับการฝึกครับ
 ปล. อย่าไปกลัวอะไรทั้งนั้น ฟังไปเถอะพูดไปเถอะ เราทำเราได้ครับ

Tuesday, July 6, 2010

เมื่อวานทดลองสอนภาษาอังกฤษผ่านหนังกับนักเรียนจ่าครับ

เมื่อวานนี้ได้ทดลองสอนนักเรียนจ่าผ่านหนังฝรั่งครับ และได้สังเกตพฤติกรรมต่างๆระหว่างที่เกิดขึ้นในห้องเรียน โดยรวมแล้วผมรู้สึกว่า การที่ได้มีภาพวิ่งตลอดเวลาบนโปรเจคเตอร์นั้น จะทำให้นักเรียนสนใจมากยิ่งขึ้น เหมือนเราดูทีวีครับเราสามารถนั่งดูได้ตลอดโดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดกระวนกระวายและอีกอย่างไม่น่าเบื่อ และโดยเฉพาะการเรียนผ่านสื่อนั้น นอกจากจะทำให้เด็กสนใจเรียนขึ้นแล้ว ผมรู้สึกว่าเด็กได้สัมผัสกับเสียงเจ้าของภาษาเพื่อปรับในเรื่องทักษะการฟังได้ดียิ่งขึ้น โดยขณะสอนผมจะพักเป็นตอนๆไปและแปลคำศัพท์พร้อมกับให้นักเรียนช่วยแปลเพื่อให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการแปลมากยิ่งขึ้น บางคำศัพท์นักเรียนสามารถแปลได้เลยโดย

Sunday, July 4, 2010

ทำไมนักเรียนไทยถึงดื้อ

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปกินหมูกะทะกับเพื่อนชาวต่างชาติ ระหว่างที่กำลังกินกันอยู่ มีเพื่อนของผมคนหนึ่งชื่อว่า ไอวี ถามผมว่า ทำไมนักเรียนในห้องของเธอไม่สนใจเรียนเลย แถมด่าเธอด้วย รู้ไหมครับว่านักเรียนด่าว่าอะไร "ไอ้ตัวตะกวด กับคำว่าไอ้Animal" ครับ เล่นซะผมอึ้งเลยครับ ผมเลยถามว่าและบอกนักเรียนหรือเปล่าว่าเธอเข้าใจสิ่งที่นักเรียนด่า

Main Page